วันนี้ไปพบบทความ
“สะกดจิตบำบัดคืออะไร?”
ของเว็บบ้านสะกดจิต เลยนำมาให้อ่าน และก็ขอยืนยันว่า ผมไม่สนับสนุนการสะกดจิตด้วยประการใดๆ
ผมเห็นว่า
การปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาธรรมกายมีประสิทธิภาพมากกว่า
ดีกว่า ที่นำมานำเสนอให้อ่านกัน เพราะ
การสะกดจิตเป็นวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนศาสนาพุทธเท่านั้น
สะกดจิตบำบัดคืออะไร?
การสะกดจิตบำบัด คือ การทำให้ร่างกายผ่อนคลาย
สมองเกิดสมาธิ รับรู้ความรู้สึก
จิตใจอยู่ในภวังค์ร่วมกับการให้คำแนะนำผ่านเทคนิคการสะกดจิต
สะกดจิตบำบัดสามารถทำได้ทุกคนหรือไม่ ?
ทุกคนสามารถรับบริการสะกดจิตบำบัดได้ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม
1) รับการสะกดจิตได้ดีมาก มีอยู่ประมาณ 10%
คือกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการสะกดจิตบำบัดได้มากที่สุดเนื่องจากสามารถเปลี่ยนอารมณ์
การรับรู้ความรู้สึกได้ดีมาก
2) รับการสะกดจิตได้ปานกลาง เป็นคนส่วนใหญ่ มีถึง 80%
คือกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ในการพัฒนาตัวเองและการบำบัดอาการที่ไม่หนักได้ดีกว่าอาการที่เป็นมานานและเรื้อรัง
3) รับการสะกดจิตได้น้อย มีอยู่ประมาณ 10% คือกลุ่มที่ไม่ตอบสนองต่อการสะกดจิตบำบัด
เนื่องมาจากการมีข้อสงสัย ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่สามารถผ่อนคลายได้
กลุ่มนี้จะต้องใช้เครื่องมืออย่างอื่นช่วยในใช้เทคนิคสะกดจิตบำบัด
ถ้าเปรียบเทียบกันวิชาธรรมกาย การสะกดจิตบำบัดแพ้ขาด วิชาธรรมกายนี่ ได้ผลร้อยละ 80 ขึ้นไป
สะกดจิตบำบัดอันตรายหรือไม่ ?
โดยกระบวนการของการสะกดจิตนั้นหากผู้บำบัดมีจรรยาบรรณ
มีจิตใจบริสุทธิ์ที่จะช่วยเหลือผู้อื่นอย่างแท้จริงแล้ว ก็ไม่มีอันตราย
เว้นแต่การเข้าใจผิดในอาการของผู้รับการบำบัด
ทำให้ผู้รับการบำบัดไม่ได้รับผลของการสะกดจิตตามที่ต้องการ
ตรงนี้ ผมไม่เชื่อ อันตรายมีแน่
และมีมากกว่าการปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธ แต่นักจิตวิทยาไม่กล้าบอกเท่านั้น
สะกดจิตบำบัดสามารถควบคุมจิตใจของผู้รับการบำบัดให้ทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ
หรือ ไม่ถูกต้องได้หรือไม่ ?
ไม่ได้
และการสะกดจิตบำบัดไม่ใช่การเข้าไปควบคุมจิตใจของผู้อื่น
เป็นแต่เพียงการทำให้ผู้รับการบำบัดมีสมาธิอย่างสูง สามารถรับรู้อารมณ์ ความรู้สึก
ความคิดของตนเองได้เป็นอย่างดีเท่านั้น
ซึ่งในขณะสะกดจิตผู้รับการบำบัดยังคงรู้ตัว
ควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี
ผู้บำบัดไม่สามารถสั่งให้ทำในสิ่งที่ผู้รับการบำบัดไม่ต้องการได้
ตรงนี้ ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ถ้าดูหนัง ตัวโกงในหนังทำได้ แต่ถ้าให้สันนิษฐาน ผมว่า “ทำได้”
แต่นักจิตวิทยาที่ดีๆ เขาก็ไม่กล้าทำ
สะกดจิตบำบัดเหมือนการนอนหลับใช่หรือไม่ ?
การสะกดจิตบำบัดไม่ใช่การนอนหลับ
ผู้รับการสะกดจิตยังคงรู้สึกตัวดี รับรู้อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก พฤติกรรมได้ดี
และที่สำคัญคือ คลื่นสมองอยู่ใน theta หรือ
low alpha เท่านั้น แต่หากหลับแล้ว สมองจะผลิตคลื่น delta
เท่านั้น
ตรงนี้ก็เหมือนกับวิชาธรรมกาย
การจะเห็นดวงธรรมหรือกายธรรมนั้น เห็นที่ได้กับจุดที่เราจะหลับ
การหลับกับการเห็นดวงธรรมจึงใกล้เคียงกันมาก แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
เป็นไปได้ไหมที่ฉันจะติดอยู่ในภาวะสะกดจิต
โดยไม่สามารถตื่นจากภาวะนั้นได้ ?
เป็นไปไม่ได้ เพราะการสะกดจิตไม่ใช่การวางยาสลบ
เป็นเพียงการทำให้เกิดสมาธิอย่างสูง ตระหนักรู้อารมณ์ ความคิด
ความรู้สึกและพฤติกรรมของตนเองได้เป็นอย่างดีมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมทั้งหมด
ตรงนี้นักจิตวิทยาก็ไม่กล้าบอกความเสี่ยงอีก คือ
มันตื่นจากสภาวะสะกดจิตได้ทุกคน แต่ถ้าตื่นมาแล้วเป็นอะไรนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เช่น บ้าไปเลย หรือเพี้ยนไปเลย เป็นต้น
สะกดจิตบำบัดรักษาอาการใดได้บ้าง ?
เทคนิคการสะกดจิตใช้ได้ผลดีในอาการที่มีความเกี่ยวข้องกับ
อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ความคิด และพฤติกรรม เช่น
- ลดความวิตกกังวล
- ลดความกลัว เช่น กลัวการพูดในที่สาธารณะ กลัวสิ่งที่ไม่สมควรกลัว
- ลดอาการซึมเศร้า
- ลดความเครียด
- PTSD (Post-traumatic stress disorder)
- ลดอาการนอนไม่หลับ
- แก้ไขอารมณ์อันไม่เหมาะสม
- แก้ไขความรู้สึกที่ส่งผลเสียต่อตนเอง
- แก้ไขความคิดลบต่อตนเอง -ผู้อื่น
- แก้ไขพฤติกรรมไม่พึงประสงค์
- แก้ไขอาการเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์
- ระงับอาการปวด
- เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้
- เสริมความมั่นใจในตนเอง
- เพิ่มสมาธิ
- เพิ่มศักยภาพรอบด้าน
- เพิ่มความขยัน
- ค้นหาความถนัดในตนเอง
- ค้นหาจุดมุ่งหมายในชีวิต
- ฯลฯ
แต่การสะกดจิตบำบัดไม่สามารถรักษาโรคอันเกิดจากเชื้อโรค
เช่น ไข้หวัด เป็นไข้ตัวร้อน
หรือโรคอันเกิดจากความผิดปกติในกระบวนความคิดอย่างรุนแรง เช่น โรคทางจิตเวช
โรคความจำเสื่อมตามอายุไข หรือโรคที่เกี่ยวกับพัฒนาการทางสมองที่ผิดปกติอย่างรุนแรง
เช่น โรคออทิสซึม ได้
ถ้าเปรียบเทียบเฉพาะการรักษาโรคนั้น วิชาธรรมกายรักษาโรคได้มากกว่า
ควรทำการบำบัดด้วยการสะกดจิตกี่ครั้งจึงเห็นผล ?
โดยทั่วไปการสะกดจิตจะบำบัดอยู่ที่ 4 – 6 ครั้ง เท่านั้น แต่สำหรับผลในเบื้องต้น
หากผู้รับการบำบัดปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้บำบัดได้ดี เพียงครั้งที่ 3 ก็เริ่มเห็นผลได้แล้ว
ตรงนี้วิชาธรรมกายชนะขาด เพราะ วิชาธรรมกายควรทำทุกวัน วันละหลายๆ
ครั้ง แต่การสะกดจิตนั้นเป็นการรักษาโรค จะต้องเสียเงิน จึงไม่สามารถทำได้ตลอด
ขอสรุปอีกครั้งว่า ผมไม่เห็นด้วยกับการสะกดจิตรักษาโรค เพราะ
เป็นการเอาใจออกไปนอกตัว เวลาตายจะไปอบายภูมิกันหมด ทั้งหมอ ทั้งคนไข้
นอกจากนั้นแล้ว ประสิทธิภาพก็สู้วิชาธรรมกายไม่ได้เลย ในทุกๆ
เรื่อง แล้วเราจะไปสะกดจิตกันทำไม