บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

สะกดจิตบำบัดคืออะไร

วันนี้ไปพบบทความ “สะกดจิตบำบัดคืออะไร?” ของเว็บบ้านสะกดจิต เลยนำมาให้อ่าน และก็ขอยืนยันว่า ผมไม่สนับสนุนการสะกดจิตด้วยประการใดๆ

ผมเห็นว่า การปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาธรรมกายมีประสิทธิภาพมากกว่า ดีกว่า ที่นำมานำเสนอให้อ่านกัน เพราะ การสะกดจิตเป็นวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนศาสนาพุทธเท่านั้น

สะกดจิตบำบัดคืออะไร?
การสะกดจิตบำบัด คือ การทำให้ร่างกายผ่อนคลาย สมองเกิดสมาธิ รับรู้ความรู้สึก จิตใจอยู่ในภวังค์ร่วมกับการให้คำแนะนำผ่านเทคนิคการสะกดจิต

สะกดจิตบำบัดสามารถทำได้ทุกคนหรือไม่ ?
ทุกคนสามารถรับบริการสะกดจิตบำบัดได้ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม

1) รับการสะกดจิตได้ดีมาก มีอยู่ประมาณ 10% คือกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการสะกดจิตบำบัดได้มากที่สุดเนื่องจากสามารถเปลี่ยนอารมณ์ การรับรู้ความรู้สึกได้ดีมาก

2) รับการสะกดจิตได้ปานกลาง เป็นคนส่วนใหญ่ มีถึง 80% คือกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ในการพัฒนาตัวเองและการบำบัดอาการที่ไม่หนักได้ดีกว่าอาการที่เป็นมานานและเรื้อรัง

3) รับการสะกดจิตได้น้อย มีอยู่ประมาณ 10% คือกลุ่มที่ไม่ตอบสนองต่อการสะกดจิตบำบัด เนื่องมาจากการมีข้อสงสัย ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่สามารถผ่อนคลายได้ กลุ่มนี้จะต้องใช้เครื่องมืออย่างอื่นช่วยในใช้เทคนิคสะกดจิตบำบัด

ถ้าเปรียบเทียบกันวิชาธรรมกาย การสะกดจิตบำบัดแพ้ขาด  วิชาธรรมกายนี่ ได้ผลร้อยละ 80 ขึ้นไป

สะกดจิตบำบัดอันตรายหรือไม่ ?
โดยกระบวนการของการสะกดจิตนั้นหากผู้บำบัดมีจรรยาบรรณ มีจิตใจบริสุทธิ์ที่จะช่วยเหลือผู้อื่นอย่างแท้จริงแล้ว ก็ไม่มีอันตราย เว้นแต่การเข้าใจผิดในอาการของผู้รับการบำบัด ทำให้ผู้รับการบำบัดไม่ได้รับผลของการสะกดจิตตามที่ต้องการ

ตรงนี้ ผมไม่เชื่อ อันตรายมีแน่ และมีมากกว่าการปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธ แต่นักจิตวิทยาไม่กล้าบอกเท่านั้น

สะกดจิตบำบัดสามารถควบคุมจิตใจของผู้รับการบำบัดให้ทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ หรือ ไม่ถูกต้องได้หรือไม่ ?
ไม่ได้ และการสะกดจิตบำบัดไม่ใช่การเข้าไปควบคุมจิตใจของผู้อื่น เป็นแต่เพียงการทำให้ผู้รับการบำบัดมีสมาธิอย่างสูง สามารถรับรู้อารมณ์ ความรู้สึก ความคิดของตนเองได้เป็นอย่างดีเท่านั้น

ซึ่งในขณะสะกดจิตผู้รับการบำบัดยังคงรู้ตัว ควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี ผู้บำบัดไม่สามารถสั่งให้ทำในสิ่งที่ผู้รับการบำบัดไม่ต้องการได้

ตรงนี้ ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ถ้าดูหนัง ตัวโกงในหนังทำได้  แต่ถ้าให้สันนิษฐาน ผมว่า “ทำได้” แต่นักจิตวิทยาที่ดีๆ เขาก็ไม่กล้าทำ

สะกดจิตบำบัดเหมือนการนอนหลับใช่หรือไม่ ?
การสะกดจิตบำบัดไม่ใช่การนอนหลับ ผู้รับการสะกดจิตยังคงรู้สึกตัวดี รับรู้อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก พฤติกรรมได้ดี และที่สำคัญคือ คลื่นสมองอยู่ใน theta หรือ low alpha เท่านั้น แต่หากหลับแล้ว สมองจะผลิตคลื่น delta เท่านั้น

ตรงนี้ก็เหมือนกับวิชาธรรมกาย  การจะเห็นดวงธรรมหรือกายธรรมนั้น เห็นที่ได้กับจุดที่เราจะหลับ การหลับกับการเห็นดวงธรรมจึงใกล้เคียงกันมาก แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

เป็นไปได้ไหมที่ฉันจะติดอยู่ในภาวะสะกดจิต โดยไม่สามารถตื่นจากภาวะนั้นได้ ?
เป็นไปไม่ได้ เพราะการสะกดจิตไม่ใช่การวางยาสลบ เป็นเพียงการทำให้เกิดสมาธิอย่างสูง ตระหนักรู้อารมณ์ ความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรมของตนเองได้เป็นอย่างดีมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมทั้งหมด

ตรงนี้นักจิตวิทยาก็ไม่กล้าบอกความเสี่ยงอีก คือ มันตื่นจากสภาวะสะกดจิตได้ทุกคน แต่ถ้าตื่นมาแล้วเป็นอะไรนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  เช่น บ้าไปเลย หรือเพี้ยนไปเลย เป็นต้น

สะกดจิตบำบัดรักษาอาการใดได้บ้าง ?
เทคนิคการสะกดจิตใช้ได้ผลดีในอาการที่มีความเกี่ยวข้องกับ อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ความคิด และพฤติกรรม เช่น
  • ลดความวิตกกังวล
  • ลดความกลัว เช่น กลัวการพูดในที่สาธารณะ กลัวสิ่งที่ไม่สมควรกลัว
  • ลดอาการซึมเศร้า
  • ลดความเครียด
  • PTSD (Post-traumatic stress disorder)
  • ลดอาการนอนไม่หลับ
  • แก้ไขอารมณ์อันไม่เหมาะสม
  • แก้ไขความรู้สึกที่ส่งผลเสียต่อตนเอง
  • แก้ไขความคิดลบต่อตนเอง -ผู้อื่น
  • แก้ไขพฤติกรรมไม่พึงประสงค์
  • แก้ไขอาการเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์
  • ระงับอาการปวด
  • เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้
  • เสริมความมั่นใจในตนเอง
  • เพิ่มสมาธิ
  • เพิ่มศักยภาพรอบด้าน
  • เพิ่มความขยัน
  • ค้นหาความถนัดในตนเอง
  • ค้นหาจุดมุ่งหมายในชีวิต
  • ฯลฯ

แต่การสะกดจิตบำบัดไม่สามารถรักษาโรคอันเกิดจากเชื้อโรค เช่น ไข้หวัด  เป็นไข้ตัวร้อน  หรือโรคอันเกิดจากความผิดปกติในกระบวนความคิดอย่างรุนแรง เช่น โรคทางจิตเวช โรคความจำเสื่อมตามอายุไข หรือโรคที่เกี่ยวกับพัฒนาการทางสมองที่ผิดปกติอย่างรุนแรง เช่น โรคออทิสซึม ได้

ถ้าเปรียบเทียบเฉพาะการรักษาโรคนั้น วิชาธรรมกายรักษาโรคได้มากกว่า

ควรทำการบำบัดด้วยการสะกดจิตกี่ครั้งจึงเห็นผล ?
โดยทั่วไปการสะกดจิตจะบำบัดอยู่ที่ 4 – 6 ครั้ง เท่านั้น แต่สำหรับผลในเบื้องต้น หากผู้รับการบำบัดปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้บำบัดได้ดี เพียงครั้งที่ 3 ก็เริ่มเห็นผลได้แล้ว

ตรงนี้วิชาธรรมกายชนะขาด เพราะ วิชาธรรมกายควรทำทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง แต่การสะกดจิตนั้นเป็นการรักษาโรค จะต้องเสียเงิน จึงไม่สามารถทำได้ตลอด

ขอสรุปอีกครั้งว่า ผมไม่เห็นด้วยกับการสะกดจิตรักษาโรค เพราะ เป็นการเอาใจออกไปนอกตัว เวลาตายจะไปอบายภูมิกันหมด ทั้งหมอ ทั้งคนไข้

นอกจากนั้นแล้ว ประสิทธิภาพก็สู้วิชาธรรมกายไม่ได้เลย ในทุกๆ เรื่อง  แล้วเราจะไปสะกดจิตกันทำไม





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น